3 ภาษีที่ ต้องรู้ สำหรับร้านอาบน้ำตัดขนสัตว์เลี้ยง Petshop

3 ภาษี ที่ต้องรู้ เกี่ยวข้อง กับธุรกิจ petshop & grooming ปี2017

แชร์เลย!!! แล้วจะหาว่าไม่เตือน

 
       บางทีเราเปิดร้านค้า เราก็อยากให้ขายดี มีกำไรไม่มาก พออยู่ได้ ก็พอแล้ว จึงคิดถึงกลยุทธุ์การตั้งราคาสินค้าและบริการให้ ถูก !
โดยคำนวณ รายได้หักทั้งค่าเช่า ค่าน้ำไฟ ค่าแรง
เหลือกำไร นิดหน่อย  ส่วนใหญ่ คนเปิดร้านใหม่ๆ จะคิดแบบนั้น 
แต่ แต่ แต่ มีค่าใช้จ่ายที่สำคัญ อีก3 รายการ ที่ห้ามลืม คือ ภาษี หรือ TAX จำนวนเงินที่จ่ายค่าภาษี ไม่น้อยเลยน่ะ บางท่านไม่ทราบมาก่อน เจอคิดย้อนหลัง
ถึงกับ นอนไม่ได้ไป หลายวันเลย 
 
ภาษี 3 รายการ ที่ต้องรู้
 
1.ภาษี เงินได้(บุคคลธรรมดา) เกิดจากเรามีรายได้ในประเทศ ภาษี นี้ แบ่งเป็นยื่นกลางปี และสิ้นปี ยื่นที่สรรพากรพื้นที่..
petshop เสีย 80% ของรายได้
และ Grooming เสีย 70% ของรายได้
 
TIP! เราสามารถนำค่าใช้จ่ายบางอย่าง มาหักได้ ประกันชีวิต ,มีบุตร ,ค่าการศึกษาบุตร
 
 
2.ภาษี โรงเรือน (ร้านค้า) ภาษีนี้ คิดจาก
พื้นที่ (กว้าง*ยาว=ตรม. )*อัตราทำเล*จำนวนเดือนที่ประกอบทั้งปี*อัตราภาษี 12.5%
** ถ้ากรณีเช่า ก็ต้องตกลงว่า ใครเป็นผู้จ่าย
 
TIP! ถ้าเรามีตึก หลายๆชั้น ควรใช้เพื่อการค้าเพียงบางชั้น ไม่ควรวางสินค้า อุปกรณ์กระจัดกระจาย ไปทุกๆชั้น
 
 
3.ภาษีป้ายเพื่อโฆษณา
วิธีคิดจากขนาดป้ายโฆษณา
แบ่งวิธี คิด
-ป้ายแบบที่มีอักษรไทยล้วน (ถูกสุด) 3 บาท/500 ตร. ซม.
-ป้ายอักษรที่มีอักษรไทยที่ปนกับอักษรต่างประเทศ ภาพ หรือเครื่องหมายอื่นๆ 20 บาท/500 ตรซม
-ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยประกอบในป้าย หรือมีตัวอักษรไทยอยู่ต่ำกว่าภาษาอื่นๆ 40บาท/500 ตรซม
 
TIP! ควรมีภาษาไทยไปไว้บนสุดของป้าย อาจจะตัวเล็กๆ ก็ทำให้ภาษี ถูกลง จร้า
 
 
ผมหวังว่า ทุกๆ ท่านจะได้ วางแผนก่อน ทำธุรกิจน่ะ แต่ถ้าใครเจอปัญหานี้เข้าแล้ว ผมมีคำแนะนำหนึ่ง
ที่น่าใช้ คือ -เตรียม จำนวนภาษีที่เราสามารถจ่ายได้ไว้ในใจ
-เข้าไปคุยกับ เจ้าหน้าที่ คุยหลายๆครั้ง อย่ารีบสรุป จบในครั้งเดียว
-ขอความเห็นใจ ธุรกิจเราเป็นเพียงธุรกิจเล็กๆ สามารถ ต่อรองได้
-ห้าม!!! ยัดเงินใต้โต๊ะ
 
 
#ภาษีร้านอาบน้ำตัดขน #ภาษีpetshop